เราเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีลูกมีผัวแล้ว ซึ่งครอบครัวของเราเป็นครอบครัวที่ไม่ได้มีฐานะทางบ้านร่ำรวยมาก ในสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่แบบนี้เรายอมรับเลยว่าครอบครัวของเราค่อนข้างที่จะลำบากมาก โดยเฉพาะช่วงที่ลูกของเรากำลังโตขึ้น เรารู้เลยว่าสิ่งที่สำคัญมากที่สุดสำหรับเด็กยุคสมัยนี้ก็คือเรื่องของการเรียน เพราะโดยส่วนตัวแล้วตัวของเราเองก็เรียนจบเพียงแค่ ป.6 เท่านั้น เราไปสมัครงานที่ไหนก็แทบจะไม่มีที่ที่รับเราเข้าทำงานเลย บางทีก็รับสมัครวุฒิขั้นต่ำ ม.3 และอย่างน้อยๆ ในยุคสมัยนี้เราก็ต้องการให้ลูกของเราเรียนจบ ม.6 และถ้าลูกเราจะสามารถเรียนจบได้สูงกว่านั้นก็ถือว่าเป็นกำไรชีวิต แต่ทุกคนรู้มั้ยว่าการกระเสือกกระสนและความพยายามของเราที่ต้องการให้ลูกของเราเรียนสูงนั้นมันต้องแลกมาด้วยอะไรบ้าง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องราวอุทาหรณ์ที่เราอยากจะมาเล่าในวันนี้ ซึ่งมันก็แทบจะไม่มีใครเลยในชีวิตเราที่รู้เรื่องนี้นอกจากคนที่จะสนิทกันมากจริงๆ
เราและผัวของเราต่างคนต่างช่วยกันทำงานเพื่อหาเงินมาส่งลูกเรียน แต่เมื่อยิ่งโตขึ้นค่าใช้จ่ายก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จนตัวของเราเองก็ติดนี่ที่โรงเรียนค่อนข้างที่จะเยอะมาก แล้วก็มีหนังสือราชการที่ส่งมาถึงเราหลายครั้งเกี่ยวกับเรื่องการทวงเงินค่าเทอม ค่าหนังสือ เรารู้สึกปวดใจทุกครั้งที่เห็นอะไรแบบนี้ และแน่นอนว่าเราก็ไม่ต้องการให้ลูกของเราถูกไล่ออกจากโรงเรียน เราจึงต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่สิ้นคิด แต่อย่างน้อยมันก็ยังได้เงินมาต่อยอดชีวิตการศึกษาของลูกเราได้ เคยมีคนมาชักชวนเราไปทำอาชีพขายบริการมานานแล้ว แต่ด้วยความที่เรารักลูกและรักผัวมากจึงทำให้เรายังไม่กล้าตัดสินใจที่จะทำอาชีพนี้แบบเต็มตัว และเมื่อถึงยามขัดสนเราก็จำเป็นที่จะต้องรับงานอะไรแบบนี้ ซึ่งผัวของเราก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน เรารอผัวของเราว่าเราไปทำงานร้านข้ามต้มที่บ้านญาติในช่วงหลังจากเลิกงานรับจ้างเพื่อที่จะหาเงินมาจ่ายให้โรงเรียน ซึ่งผัวของเราก็ไม่ได้ถามอะไรเซ้าซี้มากเพราะเห็นว่าเราก็ทำงานหาเงินมาซัพพอร์ตค่าใช้จ่ายในบ้าน และเราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าผัวของเรารู้เรื่องนี้ขึ้นมาท้ายที่สุดแล้วเราสองคนจะลงเอยกันยังไง
ครั้งแรกที่เรารับงานขายตัวเรารู้สึกตื่นเต้นมาก เราต้องไปยืนอยู่ที่ข้างเสาไฟฟ้าต้นหนึ่ง ซึ่งบริเวณนั้นเสาไฟฟ้าถูกต้นก็จะมีเจ้าของจับจองอยู่แล้ว ซึ่งเคยมีเหตุการตบตีเกิดขึ้นด้วยเมื่อมีหน้าใหม่เข้ามาแย่งที่ขาประจำ แต่ตัวของเราเองไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใครเพราะว่าตอนนั้นเราก็ไปยืนอยู่ที่เสาของคนที่มาชักชวนเรามาขายตัว ตอนนั้นเราจำได้เลยว่าเรายืนไปได้ประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มีรถมาจอดที่เสาของเรา เหตุการณ์ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก ตอนนั้นเราได้ค่าตัวอยู่ที่ประมาณหนึ่งพันบาท ซึ่งมันก็ไม่ได้เยอะมากถ้าเทียบกับการที่เราต้องไปเย็ดกับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ผัว แต่มันก็ยังดีกว่างานรับจ้างที่เราทำอยู่ที่ได้ค่าแรงแค่วันละสามร้อยกว่าบาท ซึ่งวันนึงเราก็รับลูกค้าอยู่ที่ประมาณสองถึงสามคนแล้วแต่เวลา โดยเราจะกลับบ้านไปนอนช่วงเวลาประมาณเกือบตีหนึ่ง ซึ่งความจริงตัวของเราเองก็อยากจะรับงานมากกว่านี้ แต่ถ้าเรากลับดึกมากเราก็กลัวว่าผัวของเราจะสงสัย สำหรับลูกค้าที่เรารับงานด้วยแต่ละคนเราก็เจอทั้งคนง่ายๆ และคนเรื่องมาก บางคนมาถึงแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย แค่นอนแก้ผ้าแล้วให้เค้ากระเด้าหีของเราจนเสร็จแล้วก็แยกย้าย ในขณะที่บางคนอาจจะต้องการให้เราเล้าโลม ทำนู่นนี่นั่นให้ เช่นดูดควย ต่างๆ นาๆ ซึ่งเราก็ต้องทำเพื่อเงิน และเราก็ยังเคยเจอลูกค้าประเภทซาดิสม์ด้วยนะคะ แต่ว่าลูกค้าประเภทนี้เรามักจะเลี่ยงเอาไว้ก่อนเลยเพราะว่าถ้าเรามีรอยช้ำกลับบ้านไปยังไงผัวของเราก็ต้องถามแน่นอน ซึ่งตอนนี้ตัวของเราเองก็ขายตัวมาได้ประมาณครึ่งปีแล้วค่ะแล้วเราก็เก็บเงินได้ก้อนหนึ่งเลย เรากับว่าถ้าเราสามารถเก็บเงินได้มากพอตัวที่จะส่งลูกเรียนจบตามเป้าได้แล้วเราก็จะเลิกทำ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ามันจะนานไหม แต่ทุกวันนี้เราก็อัพค่าตัวของตัวเองขึ้นมาแล้วนะคะ ด้วยประสบการณ์ที่เยอะขึ้นจึงทำให้มีลูกค้าหลายคนที่อาจจะติดใจเราและกลับมาใช้บริการซ้ำ และนั่นก็เป็นข้อดีที่สามารถทำให้เราขึ้นค่าตัวของเราได้ค่ะ