สวัสดีค่ะเราชื่อว่าบิวตี้นะคะ ชื่อเดิมของเราตั้งแต่กำเนิดที่พ่อกับแม่ตั้งให้เรามีชื่อว่าชาติค่ะ แต่ด้วยความที่เราเป็นสาวประเภทสองน้องคิดว่าชื่อนี้มันไม่เก๋ และมันดูแมนเกินไปสำหรับคนบอบบางอย่างเรา ซึ่งเราก็ใช้ชื่อบิวตี้มาตั้งแต่เราจำความได้ แม้ว่าคนที่บ้านจะเรียกเราว่าชาติก็ตาม แต่หลังจากที่เราเริ่มโตเป็นสาว เราก็อยากจะเป็นผู้หญิงมากยิ่งขึ้น ตอนนั้นเราจะรู้สึกโกรธมากถ้าใครเรียกเราว่าชาติ เพราะตอนนั้นจริตของเรามันก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าเราอยากจะเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และพ่อกับแม่ของเราก็ไม่ปิดกั้นด้วยนะคะ ใจจริงตัวของเราอยากจะผ่าตัดแปลงเพศตั้งแต่ตอนที่เราเรียน ม.ปลายเลยด้วยซ้ำ แต่ว่าตอนนั้นน่ะกูยังไม่บรรลุนิติภาวะและยังไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้ค่ะ เราก็เลยได้แต่เป็นกระเทยหัวโปกไปวันๆ แล้วก็ใส่ฟองน้ำกับเสื้อในไปโรงเรียนด้วยนะคะตามประสากระเทยเด็กค่ะ และพอขึ้นมหาวิทยาลัยเราก็เริ่มไว้ผมยาว เริ่มที่จะแต่งตัวเป็นผู้หญิงเวลาไปเรียน ซึ่งเรารู้สึกสบายใจมาก เพราะตอนนั้นไม่มีใครมาบูลลี่เราเหมือนกันคนแถวบ้าน ที่ค่อนข้างหัวจะโบราณ ปรับความคิดไม่ทันกับโลกสมัยใหม่ แต่ เราก็ไม่สนไม่แคร์ค่ะ ขอเป็นตัวของตัวเองต่อไป
ศัลยกรรมครั้งแรกของเราในชีวิต ก็คือการผ่าตัดทำนมค่ะ เราตัดสินใจเพื่อที่จะทำนมในช่วงตอนที่เรากำลังจะขึ้นเรียนชั้นปี 4 ซึ่งตอนนั้นเราก็มีเงินเก็บอยู่ก็หนึ่งซึ่งเป็นเงินที่เราได้มาจากช่วงที่เราไปฝึกงาน และอีกอย่างหนึ่งที่เราอยากจะมีนมก็คือเราจะได้มั่นใจเวลาที่เราแต่งหญิงด้วย ไม่ต้องกลัวว่าเวลาอากาศร้อนแล้วเหงื่อจะออกฟองน้ำจะแฉะแล้วเหม็นอับ และสาเหตุที่สำคัญอีกสาเหตุหนึ่งก็คือเราต้องการที่จะแต่งหญิงตอนที่รับปริญญาด้วย ซึ่งทางมหาวิทยาลัยก็มีกฏอยู่ว่าหากเราต้องการจะแต่งหญิงรับปริญญา เราก็ต้องแต่งหญิงตั้งแต่ตอนที่เราเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย แต่เราก็ทำนมใส่ไม่ได้ใหญ่มากนะคะ เอาแค่พอธรรมชาติ ไม่ได้เน้นใหญ่จนถึงขั้นเกินหน้าเกินตา และล่าสุดสิ่งที่เราอยากจะทำศัลยกรรมก็คือการผ่าตัดอวัยวะเพศหญิงค่ะ ซึ่งขั้นตอนก็จะค่อนข้างยุ่งยากกว่าตอนทำนมเยอะเลย เพราะว่าจะต้องมีการพูดคุยกับจิตแพทย์ก่อนด้วย เพราะว่ามันมีผลกระทบค่อนข้างเยอะมากหลังจากการผ่าตัด โดยเฉพาะในเรื่องของฮอร์โมน ซึ่งตอนนั้นเราก็พอได้ยินเรื่องนี้มาอยู่บ้าง แต่ว่าใจของเราตอนนั้นคือเราอยากจะมีหีเหมือนกับผู้หญิงคนนึงจริงๆค่ะ
ในวันที่เราเข้าปรึกษากับจิตแพทย์ เราก็ได้ทำแบบทดสอบต่างๆ ซึ่งตอนนั้นผลทดสอบก็ออกมาว่าเรามีความพร้อมในการแปลงเพศประมาณ 80% แต่ก็ไม่ได้ผ่าตัดแปลงเพศในวันเดียวกันเลยนะคะ เพราะว่าเรายังได้มีการพูดคุยส่วนตัวกับคุณหมออีก ซึ่งตอนนั้นคุณหมอก็บอกกับเราว่าจะตรวจเช็คสภาพร่างกายและความพร้อม และเราก็ได้ขึ้นไปนอนแก้ผ้าอยู่บนเตียงกับคุณหมอสองคนในห้องตรวจ ตอนนั้นคุณหมอบอกกับเราว่าจะประเมินในเรื่องของความพร้อมสำหรับเราอีกครั้ง และก็มีการถามคำถามทั่วไป รวมถึงคำถามเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ด้วยว่ารถสนิยมของเราเป็นอย่างไร ซึ่งมันก็มีคำถามหนึ่งซึ่งมักจะเป็นคำถามที่ทำให้หลายคนคิดจะผ่าตัดแปลงเพศต้องเปลี่ยนใจ รวมถึงเราก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย คำถามนั้นก็คือเรามีความสุขไหมกับการมีเซ็กส์ผ่านทางทวารหนักหรือรูตูด ซึ่งสำหรับเราเราก็ชอบนะคะ แล้วตอนนั้นอยู่ดีๆ คุณหมอก็จับควยของเราชักว่าว แล้วก็พูดคุยกับเราไปด้วยและถามว่าเราชอบความรู้สึกนี้ไหมตอนที่มีคนมาชักว่าวให้ เราก็ตอบไปแบบไม่ต้องคิดอะไรว่าชอบค่ะ และคุณหมอก็มีการเปรียบเทียบว่าถ้าสมมุติเราไม่มีควย เราก็จะให้สามารถเรียกความรู้สึกดีๆ แบบนี้กลับมาได้ หลังจากนั้นคุณหมอก็ได้ก้มลงไปดูดควยให้กับเรา ตอนนั้นเรารู้สึกเสียวมาก และคุณหมอก็เงยหน้าขึ้นมาถามว่าเราชอบความรู้สึกนี้มั้ย เราก็ตอบแบบไม่คิดเหมือนเดิมค่ะว่าชอบค่ะ แต่เราอยากจะบอกว่าทั้งชีวิตที่ผ่านมาเราก็ไม่เคยโดนผู้ชายคนไหนที่ดูดควยให้กับเรามาก่อน และนี่เป็นครั้งแรกที่เราได้โดนดูดควยแล้วเราก็รู้สึกชอบความรู้สึกนี้มาก และนี่ก็เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เรารู้สึกไม่อยากผ่าตัดแปลงเพศแล้ว จนทุกวันนี้เราเองก็เป็นสาวประเภทสองคนหนึ่งที่มีควยเป็นอาวุธสำคัญตอนที่มีเซ็กส์กับผู้ชายค่ะ ซึ่งจากการใช้ชีวิตของเรามันก็ได้พิสูจน์แล้วว่าผู้ชายไม่ได้ชอบกระเทยที่มีหีเสมอไป เพราะผู้ชายบางคนก็ชอบอมควยให้กระเทย แถมบางคนก็ชอบให้กระเทยเย็ดตูดด้วยนะคะ ซึ่งตัวของบิวตี้เองก็เคยเจอผู้ชายแบบนี้มาหลายคน ซึ่งบิวตี้ก็มองว่าการมีเซ็กส์แบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแย่ของการเป็นสาวประเภทสองที่มีควยค่ะ